วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 1 จริยธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ

จริยธรรม (Ethics)



          หลักของความถูกต้องและไม่ถูกต้อง ซึ่งถูกใช้เป็นตัวแทนของหลักในการปฏิบัติตนของบุคคล ความสัมพันธ์ของหลักทางศีลธรรม อันได้แก่ ความดีและความชั่วความถูกต้องและไม่ถูกต้อง หรือหน้าที่และกฎเกณฑ์ทางศีลธรรม เป็นศาสตร์ แขนงหนึ่งของ ปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับหลักในการปฏิบัติตนของมนุษย ที่อยู่ร่วมกันในสังคมหรือหมู่คณะใดๆ บุคคลใดที่ประพฤติตนตามหลักจริยธรรม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น จะถือว่าบุคคลนั้นประพฤติตนได้สอดคล้องกับมาตรฐานทางสังคมที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
          ดังนั้น หลักจริยธรรม”  จึงเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นเพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนในสังคม
     
          จริย หมายถึง การแสดงออกทางกาย ทางวาจา ของมนุษย์
          ธรรม หมายถึง ธรรมชาติของมนุษย์ที่มีกาย วาจา เป็นสื่อภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
          จริยธรรม หมายถึง เป็นหลักประพฤติปฏิบัติของบุคคลในสังคมใดๆ (ไม่บังคับใช้แต่เกิดจากการปลูกฝัง สร้างจิตสำนึก เป็นเรื่องของการแสดงออกทางกาย ทางวาจา)
          ศีลธรรม หมายถึง เป็นการประพฤติที่ดีที่ชอบ เป็นการประพฤติปฏิบัติในทางศาสนา
          จรรณยาบรรณ หมายถึง เป็นการประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกำหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียง และฐานะของสมาชิก อาจเป็นลายลักษณ์ อักษรหรือไม่ก็ได้




เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา

จริยธรรมทางธุรกิจ (Business Ethics)
          หลักและมาตรฐานด้านศีลธรรม ที่ชี้นำพฤติกรรมในโลกธุรกิจ เพื่อการตัดสินใจของแต่ละบุคคลภายในบทบาทขององค์ การภายใต้ข้อขัดแย้งระหว่างวัตถุประสงค์ และค่านิยม การนำหลักธรรมจริยธรรมมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องชี้นำกิจกรรมทางธุรกิจขององค์ กร หากองค์กรดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม จะทำให้เกิดผลดี 5 ประการ ดังนี้
          1.ได้ค่านิยมหรือมีค่าความนิยมเพิ่มมากขึ้นองค์กรที่มีจริยธรรมทางธุรกิจ จะมีค่าความนิยมเพิ่มขึ้น การดำเนินธุรกิจก็จะง่ายขึ้น มีโอกาสได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด เช่น องค์ กรใดที่ให้สวัสดิการที่ดีแก่พนักงาน จะเป็นที่ต้องการของผู้สมัครงานที่มีความสามารถสูง องค์ กรก็มีโอกาสสูงที่จะได้ผู้สมัครงานที่มีความสามารถเข้ามาเป็นพนักงาน
          2.การดำเนินงานในองค์กรมีความสอดคล้องกันองค์กรที่มีจริยธรรมทางธุรกิจ จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ถือผลประโยชน ร่วมกันได้หลายฝ่าย เช่น พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้นหรือชุมชน ซึ่งเมื่อแต่ละฝ่ายต่างได้รับการตอบสนองที่ดีแล้ว ย่อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการดำเนินงาน ทำให้ดำเนินงานร่วมกันมีความสอดคล้องกันเป็นอย่างดี
          3.เพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ การมีจริยธรรมที่ดีทางธุรกิจ ทำให้ธุรกิจดีไปด้วย ยังส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้นด้วย เช่น องค์ กรที่ให้บริการลูกค้าด้วยความยุติธรรม จะสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้นาน และมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอยู่เสมอองค์กรที่ให้ความสำคัญต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน ย่อมสามารถรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูงไว้ได้นาน
          4.ป้องกันองค์กรและพนักงานจากการดำเนินการทางกฎหมาย องค์กรควรดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรมอันดี และไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยองค์กรสามารถจัดตั้งโครงการเสริมสร้างจริยธรรมทางธุรกิจ ดังนี้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและจะต้องมีจริยธรรมอันดีทำความเข้าใจในจุดแข็งและจุดอ่อนของวัฒนธรรมและความสามารถขององค์กรวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เพื่อพิจารณาว่าอะไรคือแรงกดดันที่ธุรกิจต้องเผชิญ พิจารณาพฤติกรรมเสี่ยงด้านอาชญากรรม ความล่อแหลมต่อกฎหมาย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
          5.หลีกเลี่ยงข่าวในแง่ลบได้ หากองค์กรมีชื่อเสียงในทางที่ดี จะช่วยให้มูลค่าหุ้นขององค์ กรเพิ่มมากขึ้นในทางตรงกันข้าม หากองค์ กรมีชื่อเสียงในแง่ลบก็จะส่งผลให้มูลค่าหุ้นลดต่ำลงทันทีหลายองค์ กรจึงให้ความสนใจกับโครงการเสริมสร้างจริยธรรมทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างมาก เพื่อสร้างชื่อเสียงในด้านดี และหลีกเลี่ยงข่าวในแง่ลบ







การเสริมสร้างจริยธรรมทางธุรกิจในองค์กร
          ความเสี่ยงของพฤติกรรมที่ขัดกับหลักจริยธรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสียหายแก้องค์กร ดังนั้นหลายองค์ กรในปัจจุบันจึงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างจริยธรรมทางธุรกิจ ด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังต่อไปนี้
          1.แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ด้านจริยธรรมขององค์กร เจ้าหน้าที่ด้านจริยธรรมขององค์กร คือ ผู้จัดการระดับอาวุโส ทำหน้าที่กำหนดวิสัยทัศน์ และทิศทางที่เกี่ยวข้องกับหลักปฏิบัติของธุรกิจโดยทำหน้าที่บูรณาการจริยธรรมขององค์กร นโยบาย กิจกรรมการ
          2.กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม การกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมขององค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจขององค์กรดำเนินไปด้วยความโปร่งใสปฏิบัติตามกฎหมายและขอบังคับทางอุตสาหกรรม และไม่มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง
          3.กำหนดจรรณยาบรรณขององค์กร เป็นการประกาศประเด็นด้านจริยธรรมและระบุหลักการปฏิบัติที่สำคัญต้อองค์กรและการตัดสินใจในระดับต่างๆ ควรเน้นในเรื่องของความเสี่ยงด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตนในแต้ละวันมีวิธีการช่วยเหลือและข้อแนะนำในการปฏิบัติตนเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ ความขัดแย้งด้านจริยธรรมทำให้มั่นใจว่าพนักงานจะปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับด้านอุตสาหกรรม และทำงานด้วยวิธีการที่โปร่งใส ไม่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่องค์กร






          4.ให้มีการตรวจสอบทางสังคม เป็นการตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมทางสังคมขององค์กร โดยองค์กรจะต้องรายงานผลการดำเนินกิจกรรมทางสังคมให้แก่บุคลากรทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นพนักงาน นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ซัพพลายเออร์  ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐบาล และประชาชนทั่วไปเพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถดำเนินนโยบายทางสังคมที่ได้กำหนดไว้ในอดีตได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดพลาดในอนาคต

          5.กำหนดเงื่อนไขทางจริยธรรมไว้ในแบบประเมินพนักงาน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายจริยธรรมทางธุรกิจบางองค์กรอาจเพิ่มเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมในแบบประเมินพนักงานเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ ในการวัดจริยธรรมของพนักงาน เช่น พนักงานเคารพสิทธิของเพื่อนร่วมงานหรือไม่พนักงานปฏิบัติตนต่อเพื่อนร่วมงานอย่างเป็นธรรมหรือไม่ พนักงานพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องหรือไม่พนักงานร่วมงานกับผู้อื่นด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์หรือไม่


จริยธรรมสำหรับผู้ใช้ไอที
     ประเด็นด้านจริยธรรมสำหรับผู้ใช้ไอที
1. การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์  (Software Piracy) คือการทำซ้ำหรือดัดแปลง การเผแพร่ซอฟต์ แวร์ต่อสาธารณะชนการให้เช้าต้นฉบับหรือสำเนาซอฟต์แวร์  ตลอดจนการแสวงหากำไรจากซอฟต์แวร์ โดยไม่ได้รับอนุญาติ หรือโดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายตามลิขสิทธิ์ที่กำหนดไว้
2. การใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างไม่เหมาะสม เช่น การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ในเวลางานเข้าเว็บไซ์ลามกอนาจาร การดาวน์ โหลดภาพยนตร์  เพลง หรือซอฟต์แวร์ อื่นๆ โดยใชอินเทอร์เน็ตขององค์กร การสนทนากับเพื่อนด้วยโปรแกรมแชทต่างๆ และการเล่นเกมส์ในเวลาทำงานพฤติกรรมดังกล่าวจัดว่าเป็นการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ขององค์กรอย่างไม่เหมาะสม ทำให้ปริมาณงานลดน้อยลงองค์กรมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ด้วย เช่น การ Forward E-mail ลามกอนาจาร เป็นต้น
3. การแบ่งปันสารสนเทศอย่างไม่เหมาะสม ผู้ใช้งานไอทีและผู้ใช้ทั่วไป มักมีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างกันอยู่เสมอ เนื้อหาของข้อมูลข่าวสารที่แลกเปลี่ยนกัน บางครั้งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า เช่น แผนงานโปรโมชั่นทางการตลาด สูตรการผลิต กระบวนการผลิต เป็นต้น บางครั้งมักสนทนากับเพื่อโดยการเล่าให้ฟังนับว่าเป็นการเปิดเผยความลับขององค์กรให้บุคคลอื่นทราบอาจไปถึงมือคู่แข่งทางธุรกิจ และสร้างความเสียหายแก่องค์กรได้ในที่สุด
 
อาชญากรรมและอาชญากรคอมพิวเตอร์
          อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการก่ออาชญากรรมและกระทำความผิดนั้น สามารถจำแนกอาชญากรเป็นกลุ่มได้ดังนี้
1.อาชญากรมือใหม่หรือมือสมัครเล่น เป็นพวกที่อยากทดลองความรู้และส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้ที่เป็นอาชญากรโดยนิสัย
2.อาชญากรพวกจิตวิปริต เป็นพวกผิดปกติ มีลักษณะนิสัยที่ชอบความรุนแรง
3.อาชญากรที่ร่วมมือกัน กระทำความผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ ๆ
4.อาชญากรมืออาชีพ
5.อาชญากรหัวพัฒนา เป็นพวกที่ชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์
6.อาชญากรพวกบ้าลัทธิ จะกระทำผิดเนื่องจากมีความเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง
7.แคร็กเกอร์ Cracker คือบุคคลที่บุกรุกหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลด้วยเจตนาร้าย cracker เมื่อบุกรุกเข้าสู่ระบบ จะทำลายข้อมูลที่สำคัญทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออย่างน้อยทำให้เกิดปัญหาในระบบคอมพิวเตอร์ของเป้าหมาย โดยกระทำของ hacker มีเจตนามุ่งร้ายเป็นสำคัญ
8.แฮกเกอร์ Hacker หมายถึงผู้ที่มีความสนใจอย่างแรงกล้าในการทำงานอันลึกลับซับซ้อนของการทำงานของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ใดๆ ก็ตาม ส่วนมากแล้ว hacker จะเป็นโปรแกรมเมอร์
9.อาชญากรในรูปแบบเดิม ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เช่น พยายามขโมยบัตร ATM และรหัสบัตรของผู้อื่น







บัญญัติ 10 ประการ ในการใช้คอมพิวิวเตอร์
          1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำอันตรายต่อผู้อื่น
          2. ต้องไม่แทรกแซงหรือรบกวนงานคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น
          3. ต้องไม่สอดแนมไฟล์คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น
          4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ในการลักขโมย
          5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นพยานเท็จ
          6. ต้องไม่คัดลอกหรือใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์บัญญัติ 10 ประการ ในการใช้คอมพิวิวเตอร์
          7. ต้องไม่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม
          8. ต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น
          9. ต้องตระหนักถึงผลที่ตามมาต่อสังคมที่เกิดจากโปรแกรมที่ตัวเองเขียนหรือกำลังออกแบบอยู่เสมอ
          10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่พิจารณาดีแล้วว่าเหมาะสม และเคารพต่อเพื่อมนุษย์ด้วยกันเสมอ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น